หลักการ 12 ข้อของการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน
นักการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเนบราสกา รัฐโอมาฮา (ประดิษฐ์ ปักษา. 2549 : 10 ; อางอิงมาจาก University of Nebraska at Omaha . 2006) ที่ชวยกันพัฒนาหลักการเรียนรู้ตาม แนวทฤษฎีสมอง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยครูในการจัดการข้อมูลและตีความข้อมูล ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับหลักการของเรอเนตและเจฟฟี เคน มีหลักการ ดังนี้
1. สมองเป็นเครื่องประมวลผลที่ทำงานในเชิงขนาน (The Brain is a Parallel Processor)2. การเรียนรู้ต้องอาศัยการทำงานของระบบสรีระทั้งหมด (Learning Engages the Entire Physiology)
3. มนุษย์มีความอยากที่จะค้นหาความหมายแต่กำเนิด (The Search for Meaning is Innate)
4. การค้นหาความหมายของมนุษย์เป็นกิจกรรมที่เป็นรูปแบบ (The Search for Meaning Occurs through “Patterning”)
5. อารมณ์มีความสำคัญต่อการทำงานแบบมีรูปแบบ (Emotion are Critical to Patterning)
6. สมองประมวลข้อมูลแบบเป็นส่วนย่อยๆ และแบบทั้งหมดพร้อมๆ กัน (The Brain Processes Parts and Wholes Simultaneously)
7. การเรียนรู้อาศยทั้งการจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และการรับรู้ต่อสภาพรอบข้าง (Learning Involves Both Focused Attention and Peripheral Perception)
8. การเรียนรู้เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับกระบวนการรับรู้ต่างๆ ทั้งขณะที่มีสติรับรู้ และ ขณะไม่มีสติรับรู้อยู่เสมอ (Learning Always Involves Conscious and Unconscious Processes)
9. เรามีวิธีจัดการกับการจดจำอย่างน้อยสองวิธี การจดจำเป็นกระบวนการหนึ่งในการเรียนรู้ แต่การจดจำวิธีที่หนึ่ง ก็คือ การจดจำโดยมีรูปแบบในการจดจำ และอีกวิธีหนึ่งกคือการจูงใจให้เด็กสนุกที่จะจดจำ หรือรับรู้โทษของการจำไม่ได้ การจดจำจะทำให้เด็กสามารถเรียกความรู้นั้นมาใช้ได้ทันที
10. เราเข้าใจได้ง่าย และจดจำได้อย่างแม่นยํา เมื่อสิ่งนั้น หรือทักษะนั้นมีอยู่ในระบบ การจดจำแบบธรรมชาติที่มีความสัมพันธ์กับตัวเราการเรียนรู้ต้องสอดคล้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือสิ่งที่มีอยู่จริงในสภาวะแวดล้อม การเรียนนอกสถานที่ การให้เด็กเล่าเรื่องที่พบ การใช้สังคมเป็นตัวผลักให้เกิดการเรียนรู้
11. การเรียนรู้แบบซับซ้อนจะถุกกระตุ้นโดยความท้าทาย และถูกยับยั้งโดยการถูก ข่มขู่ (Complex Learning is Enhanced by Challenge and Inhibited by Threat)12. สมองของแต่ละคนมีความเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน (Every Brain is Uniquely Organized )
No comments:
Post a Comment